“Monique Vase” เป็นผลิตภัณฑ์ที่ถ่ายทอดลักษณะเด่นเฉพาะตัวของพื้นผิวงานจักสานพื้นบ้านลงบนงานเซรามิค เพื่อให้สามารถใส่น้ำและดอกไม้สดได้ช่วยให้รู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่ใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้การใช้เซรามิคเป็นวัสดุหลักยังช่วยลดการใช้ไม้ซึ่งถือเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งเซรามิคยังทำความสะอาดได้ง่ายกว่าผลิตภัณฑ์ไม้
ที่มีแนวคิดในการนำเอาลวดลายมาตกแต่งโดยการนำเอาลวดลายของเอเชียตะวันออกมาผสมผสานกับลายเส้นสาง อันละเอียดอ่อนก่อให้เกิดลวดลายคล้ายเครื่องจักรสาน “ย่านลิเภา” ทำให้เกิดความแปลกใหม่ของชิ้นงาน เน้นการออกแบบที่ทันสมัย ดัดแปลงหรือผสมผสานกับพื้นผิวเลียนแบบธรรมชาติ สร้างสรรค์งานที่แตกต่างระหว่างเซรามิกกับเครื่องจักรสาน
แก้วใส่เทียน ที่มีแนวคิดในการสร้างความโรแมนติกหรูหรา ของโต๊ะอาหารใต้แสงเทียนกลายเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ Angle lamp ความโปร่งแสงของเนื้อดิน และความใสของแก้ว ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ สวยงาม และบอบบาง ของลายกุหลาบป่าที่กลายมาเป็นลวดลายสินค้าอีกด้วย และมีการเน้นการออกแบบที่รูปแบบทันสมัยดัดแปลงหรือผสมผสานระหว่างเซรามิคกับแก้ว โดยอ้างอิง Trend การออกแบบและนำมาประยุกต์กับชิ้นงานโดยสินค้าเซรามิคประเภท Porcelain มีคุณสมบัติเด่นในด้านความขาว ความแข็งแกร่ง และน้ำหนักเบา ซึ่งผนวกกับเทคนิคการพ่นทราย ในการตกแต่งลวดลายให้สวยงามที่มีมิติความอ่อนหวานจากลายกุหลาบป่า
ผลงานการประพันธ์บทกลอนด้วยลายมืออาจารย์ ชมัยภร บางคมบาง (แสงกระจ่าง)เกิดเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2493 ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี 2557
ผลงานการวาดลวดลายบนชามไก่ยักษ์ ศิลปินสองซีกโลก กมล ทัศนาญชลี ศิลปินแห่งชาติ ปี 2540 สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรมและสื่อผสม) เกิดเมื่อ 17 มกราคม 2487 ถือเป็นศิลปินดีเด่นในด้านจิตรกรรมและสื่อผสมร่วมสมัยของไทย ได้รับการยกย่องทั้งในไทยและต่างประเทศ ทางด้านศิลปะร่วมสมัยของไทย ผลงานที่เป็นเอกลักษณ์ในแนวทางสากลที่มีพื้นฐานจากศิลปะแบบประเพณีไทยในอดีต
ผลงานการวาดลวดลายบนชามไก่ยักษ์ อาจารย์ปรีชา เถาทอง วันที่เกิด 27 เมษายน 2491 ศิลปินแห่งชาติผู้ได้รับการเชิดชูเกียรติในฐานะศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ สาขาย่อยการ ประจำปีพุทธศักราช 2552
เซรามิคที่ระลึกรูปช้างดีไชน์สมัยใหม่ ได้ออกแบบและผลิตสินค้าเซรามิคของที่ระลึกที่เป็นรูปช้างกลากหลายประเภท โดยใช้ชื่อว่า "White Elephant" หรือ "ช้างเผือก" ซึ่งช้างเผือกถือเป็นช้างมงคลประจำแต่ละรัชกาลและเคยเป็นสัญลักษณ์บน ธงชาติไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ถึงต้นรัชกาลที่ 6 ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นธงไตรรงค์แบบที่ ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้ สินค้า "ช้างเผือก" จึงเป็นสัญลักษณ์ของการตอบแทนคุณของแผ่นดินและสังคม
ลักษณะพิเศษตามอย่างของชามไก่โบราณคือ ปากของชามจะไม่กลมสนิทแต่จะออกเป็นรูปแปดเหลี่ยม เนื่องจากการผลิตในสมัยโบราณไม่มีเครื่องจักร การควบคุมความหนาของชามทำได้ยากมาก หากเป็นแบบกลมเมื่อเผาแล้วก็จะบิดเบี้ยว จึงได้ทำโครงสร้างเป็นเหลี่ยมเพื่อเป็นตัวบังคับทรงไม่ให้เบี้ยวง่าย ส่วนที่สองคือขาของชามจะต้องสูงและบานออก เนื่องจากชาวจีนจะนิยมจับปากและขาชามเพื่อพุ้ยข้าวและข้าวต้ม ขาสูงจะช่วยลดไม่ให้ขาชามร้อนมาก และสุดท้ายคือลายเขียนไก่และดอกไม้จะต้องสีสดและลอยอยู่บนผิวเคลือบของชามไก่หรือเรียกว่าการวาดสีบนเคลือบจึงจะเป็นของแท้ ชามไก่ในยุคสุดท้ายหรือยุคที่มีการลดต้นทุนและตัดราคากันทำให้ชามไก่สีสันซีดจางลวดลายไม่สวยงาม จึงเริ่มเสื่อมความนิยมลงไปเรียกการวาดสีใต้เคลือบ แต่เดิมนั้นชามไก่ในประเทศจีนจะมีเพียง 2ขนาด คือ เส้นผ่าศูนย์กลาง 8 นิ้ว และ 6 นิ้ว ขนาด 8 นิ้วจะใช้กับผู้ใช้แรงงานที่ทานจุ ส่วนขนาด 6 นิ้วจะใช้กับบ้านเรือน และร้านอาหารทั่วไป