กำจัด บางพื้นที่เรียก มะข่วง หรือหมากข่วง เป็นเครื่องเทศและสมุนไพรประจำถิ่นของชุมชนโคกสลุง เป็นพืชที่มีผลกลมเล็ก ผิวขรุขระ เมื่อแห้งจะมีสีน้ำตาลหรือแดง และแตกได้ มีขนาดใหญ่กว่าเม็ดพริกไทยไม่มาก พบอยู่ในบริเวณเขาในป่าดงดิบ และป่าดิบแล้ง ลำต้นมีหนามแหลม คล้ายต้นงิ้ว ชาวโคกสลุงนิยมนำผิวของผลที่ตากแห้งแล้วนำมาฝานเป็นชิ้นๆ ให้รสที่ซ่า แต่กลิ่นฉุนคล้ายมะกรูดเอาไปปรุงกับอาหารเกือบทุกสำรับของโคกสลุง อาทิ เครื่องดำ แกงไข่น้ำ แกงป่าเนื้อปลากราย พริกตะเกลือ รวมไปถึงลำตัด อาหารที่หายไปจากโคกสลุงนานเกือบครึ่งศตวรรษ ซึ่งนอกจากจะเป็นเครื่องปรุงแล้วยังมีสรรพคุณทางยา ผลของกำจัดช่วยบำรุงหัวใจ ขับลม ในลำไส้ บำรุงธาตุ นับเป็นส่วนผสมที่ขาดไม่ได้ในมื้ออาหารของโคกสลุง กำจัด พริกไทย สไตล์โคกสลุง กำจัด บางพื้นที่เรียก มะข่วง หรือหมากข่วง เป็นเครื่องเทศและสมุนไพรประจำถิ่นของชุมชนโคกสลุง เป็นพืชที่มีผลกลมเล็ก ผิวขรุขระ เมื่อแห้งจะมีสีน้ำตาลหรือแดง และแตกได้ มีขนาดใหญ่กว่าเม็ดพริกไทยไม่มาก พบอยู่ในบริเวณเขาในป่าดงดิบ และป่าดิบแล้ง ลำต
ปลาตะเพียนทอง เป็นปลาที่มีอยู่มากในเขื่อนป่าสักฯ นิยมนํามาทําเป็นปลาเค็ม ปลาแดดเดียว หรือ ย่างแล้วตําป่น เนื่องจากเป็นปลากระดูกอ่อนตําง่าย และเนื้อจะฟูปลาตะเพียนทองปลาตะเพียนทอง เป็นปลาที่มีอยู่มากในเขื่อนป่าสักฯ นิยมนํามาทําเป็นปลาเค็ม ปลาแดดเดียว หรือ ย่างแล้วตําป่น เนื่องจากเป็นปลากระดูกอ่อนตําง่าย และเนื้อจะฟู
ปลาน้ําเงิน เป็นปลาแม่น้ําเนื้ออ่อน ลักษณะคล้าย กับปลาแดง แต่มีสีออกเงิน มีรสชาติเหมือนกับปลาแดง จึงนิยมนํามาปรุงเป็นอาหารเช่นเดียวกับปลาแดง แต่หาได้ยากกว่าปลาน้ำเงินปลาน้ําเงิน เป็นปลาแม่น้ําเนื้ออ่อน ลักษณะคล้าย กับปลาแดง แต่มีสีออกเงิน มีรสชาติเหมือนกับปลาแดง จึงนิยมนํามาปรุงเป็นอาหารเช่นเดียวกับปลาแดง แต่หาได้ยากกว่า
ปลาแม่น้ําพื้นถิ่น ลักษณะตัวมีสีดํา เนื้อมีสีเหลือง รสชาติดีกินอร่อย เป็นปลาที่นิยมนํามาทําลาบเครื่อง สด เพราะจะให้รสดีที่สุด บางคนก็ทําเป็นสไบบาง (แล่เอาแต่เนื้อ แล้วซอยเป็นชิ้นบางๆ กินสด) นอกจากนี้ ยังมีความพิเศษ คือ นําพุงมาทําเป็นเพลี้ยปลากา ให้รสชาติขมชุ่มคอ จึงนับได้ว่าสามารถกินได้ ทั้งตัวยกเว้นเกล็ดเท่านั้นเองปลากาปลาแม่น้ําพื้นถิ่น ลักษณะตัวมีสีดํา เนื้อมีสีเหลือง รสชาติดีกินอร่อย เป็นปลาที่นิยมนํามาทําลาบเครื่อง สด เพราะจะให้รสดีที่สุด บางคนก็ทําเป็นสไบบาง (แล่เอาแต่เนื้อ แล้วซอยเป็นชิ้นบางๆ กินสด) นอกจากนี้ ยังมีความพิเศษ คือ นําพุงมาทําเป็นเพลี้ยปลากา ให้ร
ปลาแดง เป็นปลาเนื้อ กินอร่อย พบมากในเขื่อนป่าสักฯ ชาวไทยเบิ้งนิยมนํามาทําอาหาร 3 อย่างด้วยกัน คือ ทําปลาเกลือ ต้มยํา และแกงกับหน่อไม้ส้มปลาแดงปลาแดง เป็นปลาเนื้อ กินอร่อย พบมากในเขื่อนป่าสักฯ ชาวไทยเบิ้งนิยมนํามาทําอาหาร 3 อย่างด้วยกัน คือ ทําปลาเกลือ ต้มยํา และแกงกับหน่อไม้ส้ม
ปลากราย เป็นปลาที่มีมากในลุ่มแม่น้ําป่าสัก ชาวบ้านนิยมแล่ปลา แล้วขูดเนื้อมาทํา ปลาเห็ด หรือ ลาบเครื่องสด คือการนําน้ํามะขามเปียกมาขยํากับเนื้อ ปลาให้เข้ากัน คั้นเอาน้ําคาวออก ให้เหลือแต่เนื้อปลา จากนั้นนําน้ําคาวมาหลน ตั้งไฟให้เดือด แล้วนําเนื้อ ปลาที่ได้มาคลุก แล้วปรุงเข้ากับเครื่องลาบเครื่องสด ได้แก่ ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแดง และพริกสด หั่น ฝอยทั้งหมด แล้วนําไปคลุกให้เข้ากับเนื้อปลา ปรุงรส เพิ่มด้วยน้ําปลาและข้าวคั่ว และบีบมะนาวใส่เมื่อ ต้องการเพิ่มรสเปรี้ยว หรือนําย่างมาให้แห้ง แล้วตําจน ป่น เพราะเนื้อจะฟู กินอร่อย แต่ไม่นิยมนํามาปิ้ง หรือ ต้ม เพราะว่ามีก้างฝอยค่อนข้างมากปลากราย ปลากราย เป็นปลาที่มีมากในลุ่มแม่น้ําป่าสัก ชาวบ้านนิยมแล่ปลา แล้วขูดเนื้อมาทํา ปลาเห็ด หรือ ลาบเครื่องสด คือการนําน้ํามะขามเปียกมาขยํากับเนื้อ ปลาให้เข้ากัน คั้นเอาน้ําคาวออก ให้เหลือแต่เนื้อปลา จากนั้นนําน้ําคาวมาหลน ตั้งไฟให้เดือด แล้วนําเ
ไข่น้ํา หรือที่คนทั่วไปนิยมเรียกว่า ผำ มีสีเขียว ขนาดเล็ก พบในแหล่งน้ําสะอาดเท่านั้น ชาวไทยเบิ้ง มักจะนํามาแกงเหมือด(ผสม) กับ ปลาย่าง กากหมู เป็นต้นไข่น้ำไข่น้ํา หรือที่คนทั่วไปนิยมเรียกว่า ผำ มีสีเขียว ขนาดเล็ก พบในแหล่งน้ําสะอาดเท่านั้น ชาวไทยเบิ้ง มักจะนํามาแกงเหมือด(ผสม) กับ ปลาย่าง กากหมู เป็นต้น
ดอกหัวแมงวัน มักกินในช่วงเกี่ยวข้าว ยอดอ่อนมี รสชาติเปรี้ยวอ่อน ส่วนของยอดใบ มีรสฝาดมัน นิยม กินคู่กับลาบ ปลาร้าสับ น้ําพริกปลาป่นต้นหัวแมงวันดอกหัวแมงวัน มักกินในช่วงเกี่ยวข้าว ยอดอ่อนมี รสชาติเปรี้ยวอ่อน ส่วนของยอดใบ มีรสฝาดมัน นิยม กินคู่กับลาบ ปลาร้าสับ น้ําพริกปลาป่น
บอน เป็นพืชพื้นบ้านกินในส่วนของก้านใบ โดยทํา การลอกเปลือกออกให้หมด ในกระบวนการปรุงสุก มักนํามาต้มกบั ของเปรี้ยว เช่นมะขามหรือยอดมะขาม หากทําไม่ดี จะทําให้คันปาก บอนมีรสจืด เมื่อสุกแล้ว จะให้รสสัมผัสที่อ่อนนุ่ม ชาวไทยเบิ้งมักชื่นชอบแกง บอนกันทุกครัวเรือน โดยแกงเหมือด(ผสม)ปลาย่าง , แคปหมู เป็นต้น ใส่น้ําส้มมะขามเล็กน้อยเพื่อกําจัด ความคัน แกงจึงมีรสเปรี้ยวอ่อนๆ บางบ้านนิยมนํา บอนมาผัดกับน้ํามันกินกับน้ําพริกตาแดงบอน บอน เป็นพืชพื้นบ้านกินในส่วนของก้านใบ โดยทํา การลอกเปลือกออกให้หมด ในกระบวนการปรุงสุก มักนํามาต้มกบั ของเปรี้ยว เช่นมะขามหรือยอดมะขาม หากทําไม่ดี จะทําให้คันปาก บอนมีรสจืด เมื่อสุกแล้ว จะให้รสสัมผัสที่อ่อนนุ่ม ชาวไทยเบิ้งมักชื่นชอบแกง บอนกันทุก
ต้นสามสิบ เป็นพืชพื้นบ้านที่นิยมปลูกกันภายในครัวเรือน ลำต้นมีหนามแหลม มักนิยมกินในส่วนของยอด โดยการสับยอดให้ละเอียด บุบพอแตก แล้วนำมาแกงเหมือด(ผสม) หมูสับหรือเนื้อสัตว์อื่นๆ สามสิบต้นสามสิบ เป็นพืชพื้นบ้านที่นิยมปลูกกันภายในครัวเรือน ลำต้นมีหนามแหลม มักนิยมกินในส่วนของยอด โดยการสับยอดให้ละเอียด บุบพอแตก แล้วนำมาแกงเหมือด(ผสม) หมูสับหรือเนื้อสัตว์อื่นๆ
สลิด เป็นผักพื้นบ้านที่นิยมกินกันทั่วไป ใส่ส่วน ของฝักมีรสชาติหวานกรอบ เมื่อต้มสุกแล้วจะมีความ หวานและนิ่ม ส่วนของใบจะต้องนํามาต้ม มีรสจืดมัน เล็กน้อย เป็นผักเคียงกินกบั น้ําพริกขจรสลิด เป็นผักพื้นบ้านที่นิยมกินกันทั่วไป ใส่ส่วน ของฝักมีรสชาติหวานกรอบ เมื่อต้มสุกแล้วจะมีความ หวานและนิ่ม ส่วนของใบจะต้องนํามาต้ม มีรสจืดมัน เล็กน้อย เป็นผักเคียงกินกบั น้ําพริก
ในช่วงฤดูฝน ฝนตกหนัก ชาวบ้านต่างพากันไปหา จับอึ่งในป่า หรือพากันไปขุด อึ่ง จึงเป็นสัตว์อีกชนิด หนึ่งที่คนไทยเบิ้งนิยมนํามาทําอาหาร เช่น ต้มอึ่งยอด ใบมะขามอ่อน แกงอึ่งเหมือด(ผสม)เปราะ เป็นต้นอึ่งในช่วงฤดูฝน ฝนตกหนัก ชาวบ้านต่างพากันไปหา จับอึ่งในป่า หรือพากันไปขุด อึ่ง จึงเป็นสัตว์อีกชนิด หนึ่งที่คนไทยเบิ้งนิยมนํามาทําอาหาร เช่น ต้มอึ่งยอด ใบมะขามอ่อน แกงอึ่งเหมือด(ผสม)เปราะ เป็นต้น
เปราะเป็นพืชที่ขึ้นอยู่ในบริเวณป่าชื้น มีรสจืด กลิ่นฉุนอ่อนๆ สามารถกินได้ทั้งสด เช่นนํามายํา หรือ นําไปแกงเหมือด(ผสม)กับเนื้อต่าง ๆ เช่น แย้ หมู อึ่ง เป็นต้นเปราะเปราะเป็นพืชที่ขึ้นอยู่ในบริเวณป่าชื้น มีรสจืด กลิ่นฉุนอ่อนๆ สามารถกินได้ทั้งสด เช่นนํามายํา หรือ นําไปแกงเหมือด(ผสม)กับเนื้อต่าง ๆ เช่น แย้ หมู อึ่ง เป็นต้น
ตะคร้อ เป็นไม้ป่า และสามารถพบต้นภายในชุนชนอยู่บ้าง ผลตะคร้อ หรือลูกตะคร้อให้รสเปรี้ยวจัด และมีรสชาติเฉพาะ ลักษณะคล้ายผลลําไย แต่มีสีส้มสด คนไทยเบิ้งมักนิยมเคล้ากินกับพริกตะเกลือไทยเบิ้ง หรอื ใส่น้ําปลาพริก บ้างก็ใส่น้ําตาลเพื่อตัดหวานตะคร้อตะคร้อ เป็นไม้ป่า และสามารถพบต้นภายในชุนชนอยู่บ้าง ผลตะคร้อ หรือลูกตะคร้อให้รสเปรี้ยวจัด และมีรสชาติเฉพาะ ลักษณะคล้ายผลลําไย แต่มีสีส้มสด คนไทยเบิ้งมักนิยมเคล้ากินกับพริกตะเกลือไทยเบิ้ง หรอื ใส่น้ําปลาพริก บ้างก็ใส่น้ําตาลเพื่อตัดหวาน
ในยามที่มะนาวแพง จนต้องหาอย่างอื่นมาทดแทน โชคดีที่ประเทศไทยมีพืชอยู่มากมายที่มาให้รสเปรี้ยวแทนมะนาวได้ ไม่ต้องไปเสี่ยงกินน้ำส้มสายชูให้เสียสุขภาพ ที่โคกสลุงขอนำเสนอพืช ที่ให้รสเปรี้ยวได้เฉกเช่นเดียวกับมะนาว นั้นคือ “มะสัง” มะสัง เป็นไม้ยืนต้นพบได้ในบริเวณป่าของชุมโคกสลุง ออกผลในช่วงปลายฝนจนสิ้นฤดูหนาว ผลลูกคล้ายมะนาว ให้รสเปรี้ยว และมีกลิ่นเฉพาะ ซึ่งชาวโคกสลุงจะผ่า เอาเนื้อด้านในที่มีสีขาวเม็ดสีเหลือง หรือที่คนไทยเบิ้ง มักนิยมเรียกกันว่า “ไส้มะสัง” มาปรุงรสอาหาร บางคนก็ควักไส้แล้วนำมาแช่ในน้ำเกลือ หรือแช่แข็งไว้ เพื่อถนอมอาหาร สำหรับปรุงอาหารในช่วงนอกฤดูกาล นอกจากนี้ยอดมะสังมีกลิ่นหอมเฉพาะ ทำให้ชาวโคกสลุงบางบ้านนิยมนำมากินกับน้ำพริกอร่อยไปอีกแบบ นับได้ว่ามะสัง เป็นพืชที่แสดงให้เห็นถึงการรู้จักใช้ประโยชน์จากพืชในป่าของชาวโคกสลุงได้อย่างชำนิชำนาญ และอาจทดแทนความขาดแคลนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตมะสัง จี้ดจ้าดไม่แพ้มะนาว ในยามที่มะนาวแพง จนต้องหาอย่างอื่นมาทดแทน โชคดีที่ประเทศไทยมีพืชอยู่มากมายที่มาให้รสเปรี้ยวแทนมะนาวได้ ไม่ต้องไปเสี่ยงกินน้ำส้มสายชูให้เสียสุขภาพ ที่โคกสลุงขอนำเสนอพืช ที่ให้รสเปรี้ยวได้เฉกเช่นเดียวกับมะนาว นั้นคือ “มะสัง” มะสัง เป็นไม้ยืนต้น
“ผักกะลืมผัว” (ผักลืมผัว) พบบริเวณทุ่งนาที่ มีความชื้นหลังจากฤดูเก็บเกี่ยวช่วงปลายฝนต้นหนาว ผักกะลืมผัวมีชื่อเรียกเป็นเอกลักษณ์ชวนให้นึกถึงที่มา จากเรื่องเล่าที่ภรรยากินผักนี้อย่างเอร็ดอร่อยจนลืมเหลือไว้ให้สามีอันเป็นที่รัก ช่วงเดือนพฤศจิกายน ชาวไทยเบิ้ง บ้านโคกสลุง นิยมกินผักกะลืมผัวกับน้ําพริกต่าง ๆ “สด กรอบ มัน อมหวานเล็กน้อย” “หลนปู” เป็นเครื่องจิ้มยอดนิยมที่กินคู่กับผักกะลืมผัวได้ลงตัวที่สุด เพราะช่วงที่ผักกะลืมผัวแตกยอดอ่อน ปูนาก็มีรสชาติยอดเยี่ยม ชาวไทยเบิ้งมักนํามา ทําเครื่องจิ้ม เป็นอาหารพื้นถิ่นที่มีเสน่ห์ชวนสงสัยตามชื่อเรียกของผักกะลืมผัว และสะท้อนวัฒนธรรมการกิน อาหารตามฤดูกาลที่ดํารงอยู่ในวิถีชีวิตของชาวไทยเบิ้ง บ้านโคกสลุงเสมอมาผักกะลืมผัว อร่อยนี้ไม่เผื่อสามี “ผักกะลืมผัว” (ผักลืมผัว) พบบริเวณทุ่งนาที่ มีความชื้นหลังจากฤดูเก็บเกี่ยวช่วงปลายฝนต้นหนาว ผักกะลืมผัวมีชื่อเรียกเป็นเอกลักษณ์ชวนให้นึกถึงที่มา จากเรื่องเล่าที่ภรรยากินผักนี้อย่างเอร็ดอร่อยจนลืมเหลือไว้ให้สามีอันเป็นที่รัก ช่วงเ
ก่อนที่จะมีสีเขียวจากโรงงานอุตสาหกรรมมาใช้ย้อมผ้า ชาวบ้านโคกสลุงเคยนำใบของผักงาด จากบริเวณชายป่ารอบๆ ชุมชนมาเป็นสีย้อมธรรมชาติ ซึ่งให้สีเขียวสดสว่าง สำหรับการทอโจงกระเบนเพื่อสวมใส่ ต่อมาการนำผักงาดมาใช้ย้อยผ้าได้หายไปจากชุมชนโคกสลุง ที่เป็นเช่นนั้นเพราะชุมชนได้เปลี่ยนมาใช้สีอุตสาหกรรมแทน ปัจจุบันด้วยความร่วมมือของคนในชุมชน มีการรื้อฟื้นและพยายามอนุรักษ์การย้อมสีตามธรรมชาติ ทำให้สีเขียวสดสว่างของผัดงาดได้กลับมาเป็นสีย้อมในชุมชนอีกครั้ง สีเขียวจากผักงาด นับว่าเป็นหนึ่งในภูมิปัญญาของบรรพบุรุษชาวโคกสลุง ในการรู้จัก และสังเกตใช้ทรัพยากรท้องถิ่นมาเป็นสีย้อมผ้าที่ทำให้ลูกหลานได้ภาคภูมิใจ ผักงาด สีย้อมในอดีตก่อนที่จะมีสีเขียวจากโรงงานอุตสาหกรรมมาใช้ย้อมผ้า ชาวบ้านโคกสลุงเคยนำใบของผักงาด จากบริเวณชายป่ารอบๆ ชุมชนมาเป็นสีย้อมธรรมชาติ ซึ่งให้สีเขียวสดสว่าง สำหรับการทอโจงกระเบนเพื่อสวมใส่ ต่อมาการนำผักงาดมาใช้ย้อยผ้าได้หายไปจากชุมชนโคกสลุง ที่เป็นเช่นนั้นเพ
ปอระพิม หรือเรียกได้อีกว่า ออระพิม และ บอระพิม เป็นไม้เลื้อย ใบพุ่มหนา ให้ร่มเงาเป็นอย่างดี ดอกสีขาวบานสะพรั่งให้ความสวยงาม และในส่วนของราก คนไทยเบิ้งมักนิยมนํามาทุบให้แบน ตากให้แห้ง แล้วนํามากินเป็นหนึ่งส่วนผสมในการกินหมากอรพิมปอระพิม หรือเรียกได้อีกว่า ออระพิม และ บอระพิม เป็นไม้เลื้อย ใบพุ่มหนา ให้ร่มเงาเป็นอย่างดี ดอกสีขาวบานสะพรั่งให้ความสวยงาม และในส่วนของราก คนไทยเบิ้งมักนิยมนํามาทุบให้แบน ตากให้แห้ง แล้วนํามากินเป็นหนึ่งส่วนผสมในการกินหมาก
ต้นค้อ เป็นพืชที่พบได้เป็นจํานวนมากในเขตลุ่มแม่น้ําป่าสักฯในสมัยก่อน ในสมัยนั้นคนไทยเบิ้งนิยมนําใบค้อมากรุด้านนอกของตัวบ้าน เรียกว่า ฝาค้อค้อต้นค้อ เป็นพืชที่พบได้เป็นจํานวนมากในเขตลุ่มแม่น้ําป่าสักฯในสมัยก่อน ในสมัยนั้นคนไทยเบิ้งนิยมนําใบค้อมากรุด้านนอกของตัวบ้าน เรียกว่า ฝาค้อ
กลอย เป็นพืชกินหัว พบบริเวณเขา คนไทยเบิ้งจึงต้องออกเดินทาง เพื่อไปขุดกลอยนํากลับมาทําอาหาร โดยการทําให้เป็นแผ่นบาง ๆ ผ่านกระบวนการล้าง หลายน้ําและหมักเพื่อให้กลอยหมดฤทธิ์ก่อน จึงนึ่งให้ สุก รสชาติจืด เหนียวหนึบ แต่มีกลิ่นเฉพาะชวนกิน บางคนก็นําไปหุงกินกับข้าวเหนียว มัน หรือ ฟักทอง ขูดมะพร้าวทึนทึกใส่ ปรุงรสด้วยเกลือหรือน้ําตาลตาม ชอบกลอยกลอย เป็นพืชกินหัว พบบริเวณเขา คนไทยเบิ้งจึงต้องออกเดินทาง เพื่อไปขุดกลอยนํากลับมาทําอาหาร โดยการทําให้เป็นแผ่นบาง ๆ ผ่านกระบวนการล้าง หลายน้ําและหมักเพื่อให้กลอยหมดฤทธิ์ก่อน จึงนึ่งให้ สุก รสชาติจืด เหนียวหนึบ แต่มีกลิ่นเฉพาะชวนกิน บางคนก็นําไปหุงกิ