“โมบาย สานรัก” เป็นโมบายจักสานใบมะพร้าวที่แสดงให้เห็นถึงทักษะฝีมือและภูมิปัญญาของคนในชุมชนวัดจำปา ในการสร้างงานหัตถกรรมเกี่ยวกับการจักสานจากใบมะพร้าว โดยผลิตภัณฑ์โมบายของเรามีการออกแบบให้ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นงานจักสานจากใบมะพร้าวอยู่ เนื่องจากเดิมทีคนในชุมชนจะเน้นทำงานจักสานจากวัสดุที่สามารถหาได้ง่ายภายในชุมชน เราจึงยังคงรูปแบบของตัวผลิตภัณฑ์ให้เป็นงานจักสานจากใบมะพร้าวตามเดิม และต่อยอดผลิตภัณฑ์โดยการเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานใหม่ จากเดิมที่คนในชุมชนนิยมนำใบมะพร้าวมาสานเป็นตะกร้าไว้ใส่ผลไม้ พัฒนามาเป็นผลิตภัณฑ์โมบายที่เอาไว้ใช้สำหรับประดับตกแต่งเพื่อความสวยงามเป็นหลัก เพื่อให้การใช้งานของผลิตภัณฑ์เหมาะสมกับความคงทนของวัสดุอย่างใบมะพร้าวให้มากที่สุด
ส่วนที่ 1 หมวก หมวกที่สานจากใบมะพร้าว ซึ่งเป็นงานหัตถกรรมของคนในชุมชนที่ทำด้วยมือทุกขั้นตอน โดยในการออกแบบนั้นเราได้พยายามคำนึงถึงความเป็นไปได้ในการทำ เนื่องจากงานจักสานนั้นเป็นงานที่ต้องอาศัยทักษะฝีมือที่มีความชำนาญ เราจึงเลือกที่จะออกแบบผลิตภัณฑ์ในส่วนของงานสานให้มีความใกล้เคียงกับงานเดิมที่คุณป้าวิภาเคยทำ จึงทำให้เราได้หมวกที่สานจากใบมะพร้าวมาเป็นส่วนประกอบหลักในการทำโมบาย โดยเราได้เปลี่ยนรูปแบบการใช้งานใหม่ จากเดิมที่เอาไว้ใช้สวมใส่บนศีรษะ พัฒนามาทำเป็นส่วนประกอบของโมบาย และมีแนวคิดในการจัดการกับข้อจำกัดเรื่องความคงทนของวัสดุโดยการเคลือบแลคเกอร์ เพื่อเพิ่มความแข็งแรง และเมื่อใบมะพร้าวแห้งไปแล้วก็จะยังคงมีความสวยงามในแบบธรรมชาติอยู่ ส่วนที่ 2 ปลาตะเพียน ปลาตะเพียนที่สานจากใบมะพร้าว ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่เราออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับตัวโมบาย ในการสานปลาตะเพียนนั้นถือเป็นการสานทั่วไปที่ไม่ได้มีความซับซ้อนมากนัก จึงเป็นส่วนประกอบที่สามารถจะออกแบบให้มีความคิดสร้างสรรค์และหลากหลายกว่านี้ได้ โดยเราสามารถที่จะนำใบมะพร้าวมาสานเป็นอย่างอื่นที่นอกเหนือจากปลาตะเพียนได้ เช่น นก ปู ดาว เป็นต้น แต่ด้วยระยะเวลาที่จำกัด และข้อจำกัดเรื่องทักษะฝีมือทางด้านงานสาน เราจึงตัดสินใจใช้ปลาตะเพียนเป็นส่วนประกอบหนึ่งของโมบาย และได้มีการใส่รายละเอียดที่น่าสนใจเข้าไป คือ กระดิ่ง ที่ซ่อนอยู่ในตัวปลาตะเพียน เพื่อเพิ่มลูกเล่นให้มีเสียงเมื่อตัวปลาตะเพียนเคลื่อนไหว และในส่วนของการจัดการเรื่องความคงทนของวัสดุก็สามารถใช้วิธีเดียวกับหมวกได้เลย คือ การเคลือบด้วยแลคเกอร์
ส่วนที่ 3 กระดิ่งลม กระดิ่งชนิดหนึ่งที่เมื่อถูกลมพัดจะทำให้เกิดเสียง เนื่องจากเราอยากจะออกแบบโมบายที่ไม่ใช่แค่โมบายธรรมดาไว้แขวนประดับตกแต่งบ้าน เราจึงเพิ่มลูกเล่นของโมบายด้วยการใส่กระดิ่งลมเข้าไปตรงกลาง บริเวณใต้หมวกจักสานใบมะพร้าว แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาในการทำผลิตภัณฑ์ เราจึงไม่สามารถใส่กระดิ่งลมเข้าไปในโมเดลผลิตภัณฑ์ของเราตามที่ออกแบบไว้ได้ แต่ทางเราคิดว่าสามารถทำได้จริง โดยอาจจะต้องมีการเลือกลักษณะและขนาดของกระดิ่งลมให้เหมาะสมกับโมบายที่ทำไว้
ใช้สำหรับแขวนประดับตกแต่งบ้านเพื่อความสวยงาม พร้อมสร้างความเพลิดเพลินและผ่อนคลายจากเสียงของกระดิ่งลม
โมบาย สานรัก เป็นของประดับตกแต่งที่แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของงานสานใบมะพร้าว ซึ่งเป็นวัสดุจากธรรมชาติที่สามารถหาได้ง่ายภายในชุมชน โดยผลิตภัณฑ์ของเราจะเป็นการรวมงานสานหลากหลายรูปแบบเข้ามาประกอบกันกลายเป็นโมบาย และมีการประดับกระดิ่งลมเข้าไปจนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความสวยงามและสร้างความเพลิดเพลินได้อีกด้วย
คณะผู้จัดทำได้ได้เล็งเห็นต้นทุนทางวัฒนธรรม หัตถกรรมงานสานของคนในชุมชนวัดจำปา จึงได้ทำการเพิ่มมูลค่าต่อยอดจากตะกร้าสานจากใบมะพร้าวซึ่งเป็นสิ่งที่คนในชุมชนทำอยู่เดิม มาปรับเปลี่ยนรูปแบบของงานสานจนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบใหม่ จนเกิดเป็น “โมบายสานรัก” ที่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของชุมชนอย่างใบมะพร้าวซึ่งเป็นวัสดุธรรมชาติที่หาได้ง่ายในชุมชน และความสามารถในหัตถกรรมงานสานที่ต้องใช้ทักษะฝีมือ และความเชี่ยวชาญ อีกทั้งยังเพิ่มมูลค่าโดยการใช้ปลาตะเพียนสาน เพิ่มความน่ารักและใส่กระดิ่งอันเล็กในตัวปลาตะเพียนเพื่อเพิ่มลูกเล่น นอกจากนี้ ยังมีการใส่กระดิ่งลมกับตัวโมบายเพื่อเพิ่มเสียงอันไพเราะและให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และจากปัญหาเรื่องความคงทนของวัสดุ เนื่องจากเป็นวัสดุจากธรรมชาติ เราจึงเพิ่มความแข็งแรงด้วยการเคลือบผิวของวัสดุให้มีความคงทนยาวนานมากยิ่งขึ้น ดังนั้น นอกจากการนำทุนทางวัฒนธรรมที่มีอยู่เดิมของคนในชุมชนมาสร้างมูลค่าเพิ่มแล้ว ผลิตภัณฑ์ของเรายังสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนเพิ่มอีกทางหนึ่งด้ว
1) โมบายของคณะผู้จัดทำเป็นตัวอย่างการนำเสนอความคิดสร้างสรรค์ให้ชุมชนได้พัฒนา ต่อยอดจากสิ่งเล็ก ๆ ใกล้ตัวที่ชุมชนมีอยู่แล้วเพียงแต่ปรับเปลี่ยนรูปแบบให้มีมูลค่ามากขึ้น จากงานที่คุณป้าวิภาเคยทำอยู่แล้วอย่างหมวก มาใส่ลูกเล่นน่ารักอย่างปลาตะเพียนสาน จนกลายเป็นโมบายประดับ ซึ่งนอกจากสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนแล้ว ยังเป็นการสร้างความภาคภูมิใจสู่คนในชุมชน ที่ได้เห็นงานสานของตนเองมีมูลค่ามากขึ้น
2) คณะผู้จัดทำนอกจากจะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ให้กับชุมชนแล้ว ยังมีการสร้างช่องทางการจำหน่ายในออนไลน์และออฟไลน์และออกแบบโลโก้ผลิตภัณฑ์ที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของในชุมชนให้เป็นที่จดจำของผู้บริโภค ซึ่งถือว่าเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ชุมชนอีกช่องทางหนึ่ง
3) ปัจจุบันผู้ทำงานสานในชุมชนเหลือน้อยลงทุกที เนื่องจากคนรุ่นใหม่สนใจงานสานน้อยลง จนเกิดปัญหาไร้ผู้สืบทอด การต่อยอดงานสานสู่โมบายของผู้จัดทำจึงเป็นจุดเปลี่ยนให้คนรุ่นใหม่หรือผู้ที่สนใจมาเรียนรู้งานสานมากยิ่งขึ้น เพื่อสืบทอดภูมิปัญญานี้ต่อไป