1. ชุมชนจะบังติกอ

ตำบลจะบังติกอ อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี

ชุมชนจะบังติกอ เคยเป็นพื้นที่ศูนย์กลางทางการปกครองท้องถิ่น โดยเป็นที่อยู่อาศัยของเจ้าเมืองปัตตานีในสมัยพุทธศักราช 2388 – 2445 หรือเรียกว่า วังเก่าจะบังติกอ และเป็นศูนย์กลางท้องถิ่นที่อยู่อาศัยของเจ้าเมือง ชนชั้นสูง จึงทำให้เกิดการผลิตเครื่องเรือน เครื่องใช้ต่าง ๆ ที่มีความสวยงาม ฉะนั้นได้เริ่มมีการผลิตเครื่องทองเหลืองให้แก่ชนชั้นสูง เจ้านาย เจ้าเมืองที่อยู่ในวังใช้เป็นเวลานาน โดยมีช่างฝีมือดีจำนวนมากมารวมตัวอยู่ที่นี่ วัง (เก่า) จะบังติกอจึงเปรียบเสมือนแหล่งผลิตเครื่องทองเหลืองที่ใหญ่ที่สุดในสมัยนั้น

2. หอนาฬิกาสามวัฒนธรรม

ตำบลสะบารัง อำเภอสะบารัง จังหวัดปัตตานี

หอนาฬิกาสามวัฒนธรรม ตั้งเด่นเห็นเป็นตระหง่านตรงข้ามศาลหลักเมืองจังหวัดปัตตานี ตัวโครงสร้างบ่งบอกถึงความเป็นพหุวัฒนธรรมของเมืองปัตตานี ที่ประกอบไปด้วยชาวไทยมุสลิม ชาวไทยพุทธและชาวไทยเชื้อสายจีน ตัวหอนาฬิกาแสดงถึงลักษณะศิลปวัฒนธรรมทางสถาปัตย์ของทั้ง 3 วัฒนธรรมของเมืองปัตตานีได้อย่างชัดเจน

3. ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว

ตำบลอาเนาะรู อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี

ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว หรือ ศาลเจ้าเล่งจูเกียง ตั้งอยู่เลขที่ 63 ถนนอาเนาะรู ตำบลอาเนาะรู เป็นศาลที่ประดิษฐานรูปแกะสลักของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว พระหมอ เจ้าแม่ทับทิม ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปีจะมีงานประเพณีแห่เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวไปตามถนนสายต่าง ๆ ภายในตัวเมืองปัตตานีทำพิธีลุยไฟบริเวณหน้าศาลเจ้าเล่งจูเกียง ว่ายน้ำข้ามแม่น้ำตานีบริเวณสะพานเดชานุชิต ในงานนี้มีผู้ที่เคารพศรัทธามาร่วมงานเป็นจำนวนมากทุกปี

4. มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี

ตำบลอาเนาะรู อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี

มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานีก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ 2497 โดยใช้พื้นที่บริเวณริมถนนหลวงสายปัตตานี-ยะลา ย่านตำบลอาเนาะรูกว้าง 3 ไร่ 55 ตารางวา ตามแนวคิดของรัฐบาลในสมัยนั้นที่ต้องการให้เกิดสันติสุขขึ้นในพื้นที่ห่างไกลที่มักมีความรุนแรงเกิดขึ้นทั้งจากสภาพความเป็นอยู่ที่ไม่พัฒนาและความแตกต่างทางศาสนามัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี