แก่นตะวัน

รายละเอียด

  

แก่นตะวัน หรือ ทานตะวันหัว (ชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ) หรือที่เป็นชื่อเรียกภาษาไทยว่า "แห้วบัวตอง" จัดเป็นพืชล้มลุก มีหัวสะสมอาหาร ลักษณะเป็นตะปุ่มตะป่ำ ผิวไม่เรียบ คล้ายหัวขิงอวบและหัวข่า แต่มีหลากหลายสี เช่น สีเหลือง สีขาว สีแดง และสีม่วง แต่โดยทั่วไปแล้วเปลือกจะมีสีน้ำตาลอ่อน เนื้อในมีสีขาว เนื้อกรอบคล้ายแห้วดิบ การเจริญเติบโตของแก่นตะวันจะมีอยู่ 2 ช่วง ช่วงแรกนับตั้งแต่ตอนปลูกจนถึงออกดอกครั้งแรก แก่นตะวันจะสะสมอาหารในใบและลำต้น หรือที่เรียกว่าหัวแก่นตะวันหรือว่านแก่นตะวัน และช่วงที่สองหลังจากดอกแรกบานจนถึงระยะเก็บเกี่ยว ใบจะหลุดร่วง อาหารสะสมที่ใบก็จะถูกส่งไปที่หัว ซึ่งหัวสามารถนำมารับประทานได้ หัวใช้รับประทานสด ๆ เป็นผัก ซึ่งหัวสดจะมีรสชาติคล้าย ๆ กับแห้ว หรืออาจนำมาประกอบอาหารทั้งคาวและหวาน หรือนำมาใช้แทนมันฝรั่งได้ เพราะมีเนื้อสัมผัสเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่ามีรสหวานกว่าจึงเหมาะสำหรับใส่ในสลัดผักต่าง ๆ และยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย นอกจากนี้หัวสดของแก่นตะวัน 1 ตัน สามารถใช้ผลิตเป็นเอทานอลบริสุทธ์ 99.5% ได้มากถึง 100 ลิตร และยังสามารถใช้เป็นพลังงานทดแทนด้วยการนำไปใช้ผสมกับน้ำมันเบนซิน ใช้ผลิตแก๊สโซฮอล์ได้อีกด้วย หัวและใบของแก่นตะวัน ยังสามารถใช้เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ได้ด้วย อาทิ สุกร เป็ด โค กระบือ เป็นต้น นอกจากนี้ ต้นแก่นตะวันยังมีดอกสวยงามหากจะนำมาปลูกเป็นไม้ประดับตกแต่งบ้าน ก็ให้ความรู้สึกสบายตาให้อารมณ์คล้ายๆดอกเบญจมาศ ดอกคอสมอส




เมื่อก่อนนี้บ้านสุขสมบูรณ์นิยมปลูกต้นแก่นตะวันกันทุกบ้าน มีวัตถุประสงค์คือปลูกเพื่อบริโภคในครัวเรือนและเพื่อการค้า แต่ช่วงหลังมานี้กลับไม่ค่อยมีใครปลูกด้วยเหตุผลอะไรยังไม่ทราบแน่ชัด สาเหตุหนึ่งอาจเพราะราคาที่ต่ำลง และกระแสความนิยมบริโภคลดลง คนส่วนใหญ่จึงหันมาปลูกผักสลัดกันเกือบหมด แต่ก็ยังมีส่วนน้อยที่ปลูกเพื่อบริโภคอยู่บ้าง หากต้องการหาซื้อหัวแก่นตะวันยังมีจำหน่ายอยู่ที่สวนลุงไกร และหาซื้อได้ที่วังน้ำเขียวฟาร์ม