“วัฒนธรรมเขมร” ได้แพร่ขยายในภาคอีสานตามเส้นทางน้ำและหนาแน่นที่ลำเสียวใหญ่ซึ่งเป็นลำน้ำสำคัญของทุ่งกุลา และมากที่สุดในอำเภอเกษตรวิสัย ช่วงพุทธศตวรรษที่ 14-18 ลักษณะการแผ่ขยายอำนาจมีลักษณะอยู่ร่วมกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย แล้วค่อย ๆ ผสมกลืนกลายผู้เข้มแข็งจะเป็นฝ่ายกลืนฝ่ายที่อ่อนแอ ขณะที่ทวารวดีปักหลักทรงอิทธิพลอยู่ในอีสาน พุทธศตวรรษที่ 12 - 16นั้น เขมรก็ค่อย ๆ เริ่มมีอิทธิพล และเมื่อเขมรมีอิทธิพลเข้มแข็งมากขึ้น พุทธศตวรรษที่ 14 – 18 ทวารวดีจึงลดบทบาทในดินแดนอีสานในเขตนี้ไป หลักฐานในตระกูลวรมัน (ที่ทำเป็นชื่อเส้นทาง) ในทุ่งกุลา ได้แก่ ต้นพุทธศตวรรษที่ 14 พระเจ้ายโศวรมันที่ 1 ทรงทิ้งเมืองหริหราลัย และสร้างเมืองยโศธรปุระ หรือ เมืองพระนครขึ้นเป็นราชธานี หลังจากนั้นได้เริ่มแพร่ขยายเข้าสู่ภาคอีสานหลักฐานเริ่มพบในเขตยโสธร เขตติดต่อพนมไพร โพนทราย สุวรรณภูมิ คือกู่เมืองเตย อำเภอมหาชนะชัย-คำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร (ที่มาของชื่อจังหวัดยโสธร) พุทธศตวรรษที่ 15-16 หลังพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ครองราชย์เมืองพระนคร ต่อเนื่องถึงพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แผ่ขยายอำนาจเข้าสู่ทุ่งกุลา หลักฐาน ได้แก่ ปราสาทธาตุพันขัน บ้านตาเณร ตำบลจำปาขัน อำเภอสุวรรณภูมิ พบหลักฐานศิวลึงค์ แบบเอกมุขลึงค์ เป็นศิลปะสกุลกุเลน ศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย บูชาพระศิวะ พบศิลปะแบบบาปวน ศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย บูชาพระศิวะจำนวนมาก โบราณสถานมี 2 ลักษณะคือเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และบ้านมีไฟ (ที่พักนักเดินทาง) หลักฐานได้แก่ กู่พระโกนา ตำบลสระคู อำเภอสุวรรณภูมิ กู่กาสิงห์ ตำบลกู่กาสิงห์ อำเภอเกษตรวิสัย กู่โพนวิจ ตำบลกู่กาสิงห์ อำเภอเกษตรวิสัย