ประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก ในปี 2562 อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสร้างเศรษฐกิจรายได้ให้ประเทศ 3 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน GDP ด้านการท่องเที่ยวต่อ GDP ประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.79 เกิดการจ้างงานด้านการท่องเที่ยว 4.3 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 11.61 ของการจ้างงานของประเทศ แต่การกระจุกตัวของนักท่องเที่ยวจำนวนมากในเมืองท่องเที่ยวหลัก (Honeypot Area) เช่น เชียงใหม่ ชลบุรี ระยอง ภูเก็ต กระบี่ เป็นต้น ทำให้เกินขีดความสามารถการรองรับได้ของแหล่งท่องเที่ยว (Carrying Capacity) และส่งผลกระทบต่อคุณภาพของทรัพยากรในท้องถิ่นทั้งระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ ตลอดจนวิถีชีวิตของชุมชน โดยต้องวางแนวทางการจัดการที่เหมาะสมเพื่อให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศยั่งยืน อนึ่ง ประเทศไทยยังมีจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด ที่มีศักยภาพทั้งด้านแหล่งท่องเที่ยวทางทรัพยากรธรรมชาติ ความหลากหลายของทรัพยากรชีวภาพ วัฒนธรรม เสน่ห์ภูมิปัญญาท้องถิ่น วิถีชีวิตอันดีงาม และผลิตภัณฑ์อัตลักษณ์ของชุมชนที่โดดเด่นไม่แพ้จังหวัดท่องเที่ยวเมืองหลัก เป็นพลังขับเคลื่อน Soft power ที่สำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของชุมชน โดยสามารถพัฒนาต่อยอดและยกระดับทั้งผลิตภัณฑ์ชุมชน กิจกรรมการท่องเที่ยว และการบริการต่างๆ ในแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองให้มีคุณภาพมาตรฐานและประสิทธิภาพ เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชนได้อย่างยั่งยืน และหลังสถานการณ์โควิด-19 นักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มทยอยกลับมาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแต่ยังคงมีสัดส่วนน้อย และมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยเพิ่มความใส่ใจด้านสุขภาพอนามัย ความสะอาด ความปลอดภัยของสินค้าและบริการ สถานที่ท่องเที่ยวแปลกใหม่ (Unseen) นักท่องเที่ยวไม่หนาแน่น การท่องเที่ยวที่รับผิดชอบต่อสังคม การเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐานมีเรื่องราวและเอกลักษณ์ของท้องถิ่น การเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง จึงควรเร่งรัดพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชนให้เข้มแข็ง นำจุดแข็งด้านความหลากหลายทางชีวภาพ วัฒนธรรม เสน่ห์ภูมิปัญญาท้องถิ่น วิถีชีวิต และผลิตภัณฑ์อัตลักษณ์ของชุมชน มาต่อยอดและยกระดับเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการให้มีคุณภาพและมาตรฐาน ตามแนวทางเศรษฐกิจ BCG สาขาการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยท่องเที่ยวได้อย่างสร้างสรรค์ สนุก สะดวก และปลอดภัย มุ่งเน้นนำองค์ความรู้ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาพัฒนาให้เกิดความยั่งยืน เพิ่มความสามารถการแข่งขันของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวคุณภาพสูง กระจายมูลค่าทางเศรษฐกิจการท่องเที่ยวไปสู่เมืองรอง เสริมศักยภาพชุมชนและผู้ประกอบการท้องถิ่นให้เข้มแข็ง เน้นตลาดนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ส่งเสริมการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ
ที่ผ่านมา สวทช. ได้ดำเนินงานเชิงพื้นที่ (Area based) ในพื้นที่ทุ่งกุลาไห้ 5 จังหวัด ได้แก่ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ศรีสะเกษ มหาสารคาม ยโสธร ครอบคลุมพื้นที่ 13 อำเภอ ตั้งแต่ปี 2562 ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพการผลิตภาคการเกษตร การพัฒนาทักษะความรู้ของเกษตรกรและผู้ประกอบการเกษตร มีระบบการสร้างพี่เลี้ยงให้คำแนะนำ สร้างกระบวนการเรียนรู้ให้เกษตรกรและคนในชุมชน รับ ปรับประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อยกระดับภาคการเกษตรสู่เกษตรมูลค่าสูง มีกลไกตลาดนำการผลิต สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนให้เป็นตลาดรับซื้อผลผลิตทางการเกษตร ร่วมกับสถาบันการศึกษา ภาคประชาสังคม หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ และได้พัฒนางานมุ่งเป้า BCG Implementation ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจด้วย BCG Model พื้นที่นำร่องทุ่งกุลาร้องไห้ สร้างเศรษฐกิจใหม่จากฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนและเชื่อมโยงการท่องเที่ยว มีเป้าหมายลดความเลื่อมล้ำทางสังคม แก้ไขปัญหาความยากจน สร้างรายได้และคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน โดยยกระดับประสิทธิภาพการผลิตและคุณภาพสินค้าเกษตรมูลค่าสูงตลอดห่วงโซ่การผลิต ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ มันสำปะหลัง พริก หอมแดง พืชหลังนา สมุนไพร ผักอินทรีย์ โคเนื้อ สิ่งทอ รวมถึงเชื่อมโยงการท่องเที่ยวจากฐานทรัพยากรชุมชน มีแผนงานขับเคลื่อน 2 แผนงานหลัก ได้แก่แผนงานที่ 1 การยกระดับคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารมูลค่าสูงตลอดห่วงโซ่ โดยพัฒนายกระดับสินค้าอัตลักษณ์ทุ่งกุลา เพิ่มมูลค่าครบวงจร ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม การผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนาตลาดกลางและตลาดในชุมชน และแผนงานที่ 2 การท่องเที่ยวบนฐานทรัพยากร ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม โดยผลักดันให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูลด้านการท่องเที่ยวของชุมชน ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อนำเทคโนโลยีนวนุรักษ์แพลตฟอร์มไปใช้ประโยชน์เป็นเครื่องมือบริหารจัดการคลังข้อมูลทรัพยากร วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นในรูปแบบดิจิทัล ยกระดับฐานข้อมูลท่องเที่ยว ตลอดจนยกระดับผลิตภัณฑ์อัตลักษณ์ชุมชน การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวชุมชน พัฒนาโปรแกรมท่องเที่ยวบนฐานความรู้เชื่อมโยงเรื่องราววิถีวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ทรัพยากรธรรมชาติ
ดังนั้น เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนแผนงานที่ 2 การท่องเที่ยวบนฐานทรัพยากร ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ให้สำเร็จตามเป้าหมาย โครงการนี้ จึงมุ่งเน้นการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้เชื่อมโยงฐานทุนทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม เสน่ห์ภูมิปัญญาท้องถิ่น วิถีชีวิตอันดีงาม นำเทคโนโลยีนวนุรักษ์ใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลและเส้นทางท่องเที่ยวชุมชนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ร่วมกับชุมชนและหน่วยงานในพื้นที่ออกแบบกิจกรรมและพัฒนาโปรแกรมท่องเที่ยวบนฐานความรู้วิถีวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้