การร้องเพลงพื้นบ้าน เป็นหนึ่งกิจกรรมที่ใช้ สําหรับต้อนรับนักท่องเที่ยว และขับร้องเล่นในงาน ต่างๆ บ่อยครั้ง บางเพลงก็ฟังกันติดหู สามารถร้อง ตามกันได้ มีทั้งคนเฒ่าคนแก่ และกลุ่มเด็กเยาวชน เมล็ดข้าวเปลือกพากันร้องรํา จึงได้มีการต่อเพลง หรือ สอนเพลง เ
เสื้ออีหิ้ว เสื้อสายเดี่ยวตัวปล่อย เย็บจับจีบด้านบนด้วยความประณีต ถักโคเชเพิ่มความสวยงามบริเวณเหนืออก
การบูนตะไกร (กรรไกร) เป็นวิธีการเดียวกัน เช่นเดียวกับการบูนไข่ เพียงแต่ใช้ ตะไกรหนีบหมากใน การบนู มีหมาก1คําและค่าครู
ทำปลาขอดเกล็ด ผ่าท้องเอาไส้ออก ทำความสะอาด แช่น้ำไว้หนึ่งคืน นำมาเคล้าเกลือและบรรจุใส่ไห ทิ้งไว้อย่างน้อย 5-6 เดือนจึงนำมาคลุกข้าวคั่ว และจึงนำกลับไปใส่ไหตามเดิมเพื่อเก็บไว้กินได้นาน
คั่วหน่อไม้ส้ม(หน่อไม้ดอง) ใช้วิธีการรวนหมูหรือเนื้อสัตว์ชนิดอื่นกับหน่อไม้ส้ม ใส่พริกแกงเผ็ด ปรุงรสด้วยน้ำปลา และข้าวเบือเล็กน้อย ใส่ใบมะกรูดและกระเพราเพิ่มความหอม
แกงหน่อไม้ส้ม เป็นเมนูที่ชาวไทยเบิ้งแทบทุกครัวเรือนนิยมกิน หากเหมือด(ผสม)ด้วยปลากด ที่มีเนื้อนุ่ม รสชาติมัน ก็จะยิ่งทำให้รสชาติดียิ่งขึ้น เครื่องแกงเผ็ดใส่ข้าวเบือเพิ่มเล็กน้อย เพื่อให้ของรสน้ำแกงมีความเข้มข้นมากขึ้น
ชาวไทยเบิ้งมัก ขึ้นภูเขาไปขุดหาหน่อไม้ในป่า แกงหน่อไม้จะใช้น้ำยอดนางคั้นเข้มข้น และใช้เครื่องแกงเผ็ดสูตรเด็ดของชาวไทยเบิ้งเป็นส่วนผสม ปรุงเค็มด้วยน้ำปลาร้า บ้างโอกาสมักเหมือด(ผสม) กับผักชนิดอื่นด้วย เช่น แกงเหมือดกับชะอม แกงเหมือดเห็ดป่า หรือจะเหมือด
การเตรียมใบค้อ เป็นขั้นตอนสำคัญในการทำฝาเรือนที่เรียกว่า “ฝาค้อ” ขั้นตอนคือการเลือกและตัดใบค้อที่แก่จัด ทำความสะอาด ฉีกออกเป็นใบให้มีขนาดพอดีกับการประกอบเข้าเป็นฝาเรือน
“เต้าปูน” ทำจากโลหะชนิดต่าง ๆ ตามฐานะ เช่น ทองดอกบวบ ทองเหลือง เป็นต้น เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ใส่ปูนแดงกินหมาก
“ขี้ผึ้งสีปาก” ใช้ทางปากเหมาะกับผู้ที่กินหมาก ทำจาก กะทิที่ได้จากเนื้อมะพร้าวสดหรือเนื้อมะพร้าวเสียก็ได้ และขี้ผึ้งแท้ (ทำจากรังผึ้งที่ไม่มีตัวผึ้งแล้วนำมาต้มจนรังผึ้งละลายและเทใส่ภาชนะรอให้ขี้ผึ้งแข็งตัวและนำมาใช้) นำกะทิใส่ถ้วยตราไก่
การทำฝาค้อประกอบไปด้วย โครงไม้ไผ่สี่เหลี่ยมขนาดเท่ากับฝาบ้านและกรุด้วยฟากด้านใน ทับด้วยใบค้อ และขัดทับใบค้อด้วยไม้ไผ่ด้านนอกอีกชั้น