จั่งซุ้ย : เสื้อกันฝนชาวเหมือง

แร่ดีบุกเป็นทรัพยากรหลักที่สำคัญมากที่สุดของภูเก็จมาไม่ต่ำกว่า ๔๐๐ ปี  การขุดค้นหาแร่ดีบุกได้พัฒนาจากการเก็บหาแร่บนพื้นผิวดินไปเป็นเหมืองรู  เหมืองแล่น  เหมืองหาบ เหมืองสูบ  เหมืองฉีดหรือเหมืองเรือขุด  จนเป็นแพดูดแร่ในท้องทะเลที่ค่อนข้างลึก

      ในช่วงที่เหมืองหาบกำลังเป็นที่นิยมเมื่อร้อยกว่าปีที่ผ่านมา   กรรมกรชาวจีนจำนวนมากได้เข้ามาภูเก็จเป็นกุลีเหมืองหาบได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของบรรพชนภูเก็จ

      ยกระนองและพังงาออกไปแล้ว    ก็คงจะต้องเป็นภูเก็จที่มีฝนตกชุก  ยิ่งเมื่อป่าไม้อุดมสมบูรณ์ไม่มีวิกฤตทางสิ่งแวดล้อมอย่างปัจจุบัน ฝนภูเก็จจึงตกชุกระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนพฤศจิกายน   กรรมกรเหมืองต้องกรากกรำฝนเป็นระยะยาวนาน    จึงได้มีผู้คิดเสื้อกันฝนที่คงทนต่อการทำงานในเหมือง  โดยใช้เส้นใยจากโคนกาบต้นชกที่ชาวบ้านเรียกว่า "รกชก" มาเย็บเป็นเสื้อกันฝน   แล้วเรียกเสื้อกันฝนนี้ว่า  จั่งซุ้ย  มีใช้กันมากในเหมืองเขตอำเภอกะทู้   

      ลูกหลานที่เห็นคุณค่าได้เก็บรักษาจั่งซุ้ยไว้ และเห็นว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อคนอื่น ๆ จึงได้นำไปถวายวัดพระทองเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๙  จำนวน ๑ ชุด  เป็น จั่งซุ้ย ที่มีความกว้างระหว่างปลายแขนซ้ายและขวาเท่ากับระยะคอถึงชายจั่งซุ้ยด้านล่างประมาณ ๓๖ นิ้ว   พ่อท่านสุขุมวัดพระทองพระนักอนุรักษ์มรดกไทย ได้นำไปแสดงไว้ที่ พิพิธภัณฑ์วัดพระทอง  สอบถามผู้เกี่ยวข้อง  ก็ไม่ปรากฏว่ามีใครเก็บรักษาไว้ได้สมบูรณ์เท่าจั่งซุ้ยในพิพิธภัณฑ์วัดพระทอง.